นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

บริษัท วิสดอม เซ็นเตอร์ จำกัด (“บริษัท”) มีความมุ่งมั่นในการเคารพและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ติดต่อหรือดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทฯ (“ท่าน”) ดังนั้น บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายฉบับนี้ขึ้นเพื่อชี้แจงแนวทางในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูล ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ กฎหมายลำดับรอง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  1. คำนิยาม
    “การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย โอน ย้าย จัดเก็บ ปรับปรุง แก้ไข หรือการลบ/ทำลายข้อมูล ไม่ว่าในลักษณะใดก็ตาม
    “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผู้ใช้บริการ คู่ค้า หรือของบุคคลใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการอ้างอิงถึงสิ่งซึ่งสามารถระบุหรือเชื่อมโยงถึงตัวบุคคลได้ เช่น ชื่อ หมายเลขประจำตัว ข้อมูลสถานที่ ตัวบ่งชี้ในอุปกรณ์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ หรือปัจจัยหนึ่งหรือหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ทางร่างกาย ทางสรีรวิทยา ทางพันธุกรรม ทางจิต ทางเศรษฐกิจ ทางวัฒนธรรมหรือทางสังคม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
    “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภทที่มีความละเอียดอ่อนและเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ประกอบด้วย เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
    “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และเป็นบุคคลซึ่งมีสิทธิตามกฎหมายในการควบคุมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง โดยบุคคลนั้นอาจเป็นผู้ให้ข้อมูลกับองค์กรโดยตรง หรือองค์กรอาจได้รับข้อมูลของบุคคลนั้นจากแหล่งอื่น
    “บริษัท” หมายถึง บริษัท วิสดอม เซ็นเตอร์ จำกัด
    “ลูกค้า” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่ได้มีการติดต่อ ขอรับบริการ หรือซื้อสินค้าจากบริษัท และได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรงหรือโดยอ้อม เช่น ชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ หรือข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมและพฤติกรรมการใช้บริการ
    “คู่ค้า” หมายถึง บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท เช่น ผู้ขาย ผู้จัดหา ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการอื่น ๆ ซึ่งอาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้แทน พนักงาน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลนั้น

  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
    บริษัทได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์และเพียงเท่าที่จำเป็นตามกรอบวัตถุประสงค์หรือเพื่อประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม โดยจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
      2.1 ข้อมูลทั่วไป

        2.1.1 ข้อมูลที่สามารถบ่งชี้ตัวตน เช่น ชื่อ-นามสกุล สำเนาบัตรประชาชน เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หรือบัตรที่ออกโดยรัฐบาล/หน่วยงานราชการอื่นที่คล้ายคลึงกัน ภาพถ่ายการเข้าร่วมกิจกรรมหรือโครงการ เมื่อบริษัทจัดหรือเข้าร่วมกิจกรรมภายใน ภายนอกบริษัทการออกบูธ การสัมมนา หรือกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR)
          กรณีบริษัทได้รับบัตรประชาชนของท่าน ข้อมูลที่ได้รับจะมีข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิต ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (ศาสนา และหมู่โลหิต) จากท่าน ยกเว้นในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน ทั้งนี้บริษัทจะกำหนดวิธีการจัดการตามแนวทางปฏิบัติ และเป็นไปตามที่กฎหมายอนุญาต

        2.1.2 บันทึกการเข้าร่วมประชุมการเจรจาธุรกิจ เช่น บันทึกการประชุม และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ท่านได้เข้าร่วมกับบริษัท
        2.1.3 บันทึกความยินยอม เช่น บันทึกความยินยอมใด ๆ ที่ได้ให้ไว้กับบริษัท
        2.1.4 ข้อมูลการติดตาม เช่น ข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือข้อมูลภาพและเสียงที่ถูกบันทึกในพื้นที่ของบริษัท ข้อมูลคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอาชญากรรม
    • 2.2 ข้อมูลบริการและข้อมูลทางเทคนิค
      • เมื่อท่านใช้บริการของบริษัทหรือทำกิจกรรมร่วมกับบริษัท บริษัทอาจจะบันทึกข้อมูลบางประเภทที่เกี่ยวกับตัวท่านและอุปกรณ์ของท่าน หรืออุปกรณ์รับส่งเสียง หรือข้อมูลปลายทาง ซอฟต์แวร์ที่ท่านใช้ในการเข้าถึงบริการไม่ว่ายี่ห้อใด หมายเลขโทรศัพท์ที่ท่านใช้ในการโทรหรือส่งข้อความ วันที่ เวลา ระยะเวลา ที่อยู่ของท่านในขณะติดต่อสื่อสาร ข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ท่านใช้ในการเปิดดูเว็บไซต์และการบริการที่ท่านได้รับจากบริษัทหรือเพื่อเข้าสู่ระบบของบริษัท รวมทั้งข้อมูลหมายเลขประจำเครื่อง (IP Address) ของอุปกรณ์หรือเครื่องมือรับส่งข้อมูลปลายทาง เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แล็ปท็อป หรือสมาร์ทโฟน ข้อมูลรุ่นอุปกรณ์ ข้อมูลเครือข่าย รายละเอียดวัน สถานที่ เวลาและวิธีใช้บริการ

  3. ข้อมูลที่บริษัทประมวลผล
    บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมจากท่านโดยตรง หรือเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกตามที่ระบุเอาไว้ในข้อ 2. ในการให้บริการ การปฏิบัติตามสัญญา การปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในส่วนของบริษัท หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุในข้อ 4.

  4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

      4.1 เพื่อใช้ในการดำเนินตามคำขอใช้บริการของท่าน ก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น
      • การลงทะเบียนการติดต่อ การเปิดบัญชีผู้ใช้งาน (Account) การลงทะเบียนลูกค้า/คู่ค้า การจัดทำทะเบียนลูกค้า/คู่ค้า การลงทะเบียนจองหลักสูตรสัมมนา ผ่านทางเว็บไซต์ โทรศัพท์ หรือช่องทางใด ๆ
      • การเรียกและ/หรือชำระค่าบริการ รวมถึงการออกใบแจ้งหนี้ การออก ใบเสร็จรับเงิน การติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ การรับเงินและ/หรือการคืนเงิน เป็นต้น
      • เพื่อจัดการ แก้ปัญหา ซักถาม และวิเคราะห์ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการของบริษัท โดยบริษัทจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อความจำเป็นเท่านั้น

      ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อ วัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามสัญญากับบริษัทระหว่างท่านกับบริษัท หากปรากฏว่าท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท อาจส่งผลกระทบให้บริษัทไม่อาจปฏิบัติตามสัญญา หรือให้บริการแก่ท่านอย่างถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนดในสัญญาต่อไปได้

      4.2 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ระเบียบ ประกาศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือข้อยกเว้นตามกฎหมาย เช่น การออกใบแจ้งหนี้ การออกใบเสร็จรับเงิน
      4.3 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านคาดหมายได้อย่างสมเหตุผล เช่น
      • การประมวลผล ทดสอบ หรือวิเคราะห์ ความสนใจของท่านเพื่อส่งเสริม พัฒนา ประเมินความ พึงพอใจและ ปรับปรุงการให้บริการของบริษัทให้ตอบสนองกับความสนใจและความต้องการของท่านอย่างสูงสุด
      • การฝึกอบรม ควบคุม หรือรับประกัน พนักงานและคุณภาพที่อาจเกี่ยวข้องกับการประสานงาน หรือ การติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ กับท่าน
      • การตรวจสอบ ปกป้อง หรือป้องกัน การกระทำใดอันไม่ถูกต้อง การละเมิด การประพฤติผิด หรือการฝ่าฝืน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อตกลงและเงื่อนไขในการให้บริการ และเงื่อนไขอื่นใดของบริษัท

      4.4 เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์ จัดส่งข้อมูลข่าวสาร และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของท่าน รวมถึงการเสนอข้อมูล รายการอัปเดตเกี่ยวกับสินค้า บริการ โปรโมชัน ส่วนลดของบริษัทและ/หรือบริษัทในเครือ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทางสื่อสังคมออนไลน์ ทางอีเมล จดหมายทางไปรษณีย์ ไลน์ เฟซบุ๊ก ข้อความ หรือ ทางโทรศัพท์ และการใช้คุกกี้หรือเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกัน (“คุกกี้”) บนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดและเพื่อให้บริษัทพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัทให้สอดคล้องกับความต้องการ โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยความยินยอมของท่านเป็นฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล

    ท่านสามารถเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวเมื่อใดก็ได้โดยการแจ้งมายังบริษัท ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่มีผลย้อนหลังต่อการประมวลผลข้อมูลที่ได้ดำเนินการไปแล้ว

    อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัทมีเหตุผลตามกฎหมายหรือข้อยกเว้นที่อนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะดำเนินการตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด

  5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แก่บริษัทอื่นใด หรือหน่วยงานใด ๆ เช่น หน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแลการให้บริการ หรือหน่วยงานกำกับดูแลบริษัท หรือหน่วยงานที่บริษัทเป็นสมาชิก หน่วยงานราชการที่ควบคุมในเรื่องภาษี ความมั่นคงของชาติและอาชญากรรมตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อดำเนินกิจการของบริษัทหรือการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน

  6. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
    บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการโอนไปยังบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งอาจเป็นบริษัทในเครือ ผู้ให้บริการ หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ที่จำเป็นในการดำเนินกิจการของบริษัท อาทิ การให้บริการ การสนับสนุนทางเทคนิค การสำรองข้อมูล หรือการวิเคราะห์ข้อมูล

    บริษัทจะดำเนินการโอนข้อมูลดังกล่าวเฉพาะเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด โดยจะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการโอนข้อมูล รวมถึงดำเนินการขอความยินยอมจากท่านในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมก่อนการโอนข้อมูลออกนอกประเทศไทย

    ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมและจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกโอนไปยังต่างประเทศจะได้รับการคุ้มครองในระดับที่เพียงพอ และมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เทียบเท่ากับที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยกำหนดไว้

  7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยและความลับของข้อมูลส่วนบุคคล
    เพื่อให้ท่านเกิดความมั่นใจในการบริหารจัดการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท และป้องกันความเสี่ยงอันอาจทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเข้าถึงโดยมิชอบ หรือถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข รั่วไหล สูญหาย บริษัทจึงจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

  8. ระยะเวลาการเก็บข้อมูล
    บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์และ ความจำเป็นที่บริษัทจะต้องดำเนินการจัดเก็บรวบรวมและประมวลผล ซึ่งรวมไปถึงการปฏิบัติ ตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ใช้บังคับภายใต้กรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ จะจัดเก็บไว้ในสถานที่จัดเก็บที่เหมาะสมตามประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล

  9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ บริษัทได้กำหนดรายละเอียด เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายของท่าน ดังนี้
    • สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีเกี่ยวกับตัวท่าน
    • สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบันเพื่อประโยชน์ในการติดต่อหรือ การรับบริการอย่างถูกต้อง และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    • สิทธิในการขอให้ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อไม่มีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่มีการจัดเก็บ รวมทั้งสิทธิที่จะจำกัดขอบเขตการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่ไม่สามารถลบได้
    • สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
    • สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดและวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด
    • สิทธิที่จะขอให้บริษัทถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคล/องค์กรอื่น หรือขอดูข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทถ่ายโอนไปยังบุคคล/องค์กรอื่น เว้นแต่จะดำเนินการไม่ได้ด้วยเหตุผลทางเทคนิค
    • สิทธิในการถอนความยินยอม ท่านสามารถถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่จะเป็นการขัดต่อประกาศของบริษัทหลังจากความยินยอมถูกถอนแล้ว บริษัทจะหยุดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเว้นแต่จะมีฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้
    • สิทธิในการร้องเรียนต่อหน่วยงานที่กำกับดูแลในกรณีที่ท่านเชื่อว่ามีการละเมิดสิทธิของท่าน
    ทั้งนี้ ท่านสามารถติดต่อมายังผู้รับเรื่องดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิได้

  10. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อตรวจสอบการดำเนินการที่เกี่ยวกับ การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และ นโยบาย ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ของบริษัทฯ รวมทั้งประสานงานและให้ ความร่วมมือกับสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้หากท่านประสงค์จะขอใช้สิทธิตามที่กำหนดในข้อ 9. หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียดด้านล่างนี้
      เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • ที่อยู่: บริษัท วิสดอม เซ็นเตอร์ จำกัด เลขที่ 77/177 อาคารสินสาธร ทาวเวอร์ ชั้น 39 ถนนกรุงธนบุรี แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
    • หมายเลขโทรศัพท์: 02-4401790
    • อีเมลแอดเดรส: dpo@wc.co.th

  11. การทบทวนนโยบาย
    บริษัทจะทำการทบทวนนโยบายนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมาย ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องหรือในกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ทางบริษัทอาจดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายฉบับนี้เพื่อให้สอดคล้อง ครอบคลุมตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่น ๆ กำหนด ทั้งนี้บริษัทจะประกาศบนเว็บไซต์พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด

วันที่ปรับปรุงล่าสุด:22 พฤษภาคม 2568